วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

รู้กันยัง?? ผักไฮโดรโปรนิก กับ ผักออแกนิก ไม่เหมือนกันนะ!!


เดินห้างหรู หรือ ตลาดสดไฮโซ มักจะเจอผักสีเขียวๆ สดๆ อวบๆ ดูน่ากินใส่ในบรรจุภัณฑ์สวยงามขึ้นป้ายว่าเป็น ผักไฮโดรโปรนิก(Hydroponic Vegetable) บ้าง ผักออแกนิก ( Organic Vegetable) บ้าง คนรักสุขภาพชอบกินผักเหล่านี้บางทีอาจคิดไปว่าเป็นผักที่ปลูกมาเหมือนๆ กัน มีความรู้สึกที่ดีว่าผักพวกนี้ปลอดสารเคมี ปราศจากสารพิษตกค้าง บางทีมันก็ไม่แน่เสมอไปนะครับ!!

เรามาดูความแตกต่างของเจ้าผักไฮโดรโปรนิก กับ ผักออแกนิก ก่อนว่ามันต่างกันยังไง ..อันดับแรกเลยชื่อต่างกันครับ ( จะบอกเพื่อ....???) นอกจากชื่อต่างกันแล้วมันแตกต่างกันตรงวิธีปลูกครับ

ผักไฮโดรโปนิก

ผักไฮโดรโปรนิกเป็นผักที่ปลูกโดยไม่ใช้ดิน โดยให้แร่ธาตุ สารอาหารต่างๆ กับผักเหล่านั้นผ่านทางน้ำ มีหลักคิดมาจากที่ว่าดินที่ใช้ทำการเกษตรทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ผ่านการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง สารพิษอื่นๆ สะสมมาเป็นเวลานานจึงตัดปัญหาด้วยการปลูกผักในน้ำแทนปลูกบนดิน

แปลงผักไฮโดรโปนิก
ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างหรือจะเสียหลายๆ อย่างก็ไม่รู้ พอปลูกผักในน้ำก็ต้องหาภาชนะมารองรับ บ้างก็ใช้ท่อ PVC  ขวดพลาสติก หรือ ใช้ฟองน้ำ บางที่ใช้โฟมก็มีครับ ก็ล้วนเป็นขยะรกโลกทันทีที่หมดสภาพการใช้งานครับ  ส่วนน้ำที่นำมาให้ผักดูดซึมแร่ธาตุ สารอาหารต่างๆ ตามสูตรของผู้ปลูกแต่ล่ะท่าน ดูแล้วเราก็หนีไม่พ้นสารเคมี ปุ๋ยเคมี อยู่ดี สำหรับผู้ปลูกบางรายลงทุนปลูกในโดมกันแมลง หรือ ปลูกผักกางมุ้งก็หมดกังวลเรื่องแมลงศัตรูพืชไปครับ แต่บางรายใช้วิธีฉีดสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเข้าไปด้วยอันนี้ก็น่าเป็นห่วงเรื่องสารพิษตกค้างครับ

แปลงผักออแกนิก
ส่วนผักออแกนิกนั้น เขาปลูกบนดินครับ ปลูกกันแบบธรรมชาติล้วนๆ 100% โดยเริ่มจากการคัดเลือกดินที่ปลูก กติกาคือพื้นที่ที่ปลูกต้องปลอดสารเคมีมาไม่น้อยกว่า 3 ปี ก่อนครับอันดับแรก ส่วนธาตุอาหารก็เป็นธาตุอาหารที่มีในดินนั่นล่ะครับ จะให้เสริมบ้างก็เป็นจำพวกปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก จากธรรมชาติ สำหรับการกำจัดศัตรูพืชพวกแมลงต่างๆ ใช้วิธีสกัดน้ำจากสมุนไพรไล่แมลงตามธรรมชาติครับ ปลอดภัยหายห่วง

มีเรื่องน่าตกใจมาบอกเกี่ยวกับเจ้าผักไฮโดรโปรนิก เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2561 ที่ผ่านมาทางเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือ Thai-PAN ได้แถลงผลการตรวจสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ตกค้างในผักและผลไม้ ประจำปี 2561 โดยได้เก็บตัวอย่างผักไฮโดรโปนิก จำนวน 30 ตัวอย่าง จากตลาด และ ห้างดังทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด พบว่า

มีผักไฮโดรโปรนิกจำนวน 19 ตัวอย่าง ที่มีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินมาตรฐาน คิดเป็น 63.3% ของตัวอย่างทั้งหมด สถิติสูงกว่าปีที่ผ่านมาที่พบอยู่เพียง 54.4% นอกจากนี้ยังพบการตกค้างของสาร “ไนเตรท” เกินมาตรฐานด้วย ส่วนมากสารไนเตรทนี้ก็มาจากสารละลายแร่ธาตุที่เป็นสารอาหารของผักไดรโปรนิกครับ ปัญหาก็คือสาร “ไนเตรท” ที่มันเกินมาตรฐานนี้เรากินเข้าไปสะสมในร่างกายมันจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งครับ


กินผักคราวหน้าสำหรับบรรดาท่านที่รักสุขภาพทั้งหลาย เลือกกันให้ดีนะครับว่า เราจะกินผักแบบไหนดี??  ปลูกกันมาอย่างไร??  เลือกกันสักหน่อยดีกว่าต้องมาคอยแก้กันทีหลังเนาะ..!!






วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2561

ขายอะไรดีกับชาวจีนเกือบ10 ล้านคนต่อปี ที่มาเที่ยวเมืองไทย

     ช่วงนี้หาชาวฝรั่งมังค่ายากหน่อยนะครับตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของไทยที่ดูซึมๆ เหงาๆ จะมีก็แต่พี่จีนนี่ล่ะครับที่พบเห็นกันบ่อยๆ ในทุกช่วงฤดูกาล หลายวันก่อนผมผ่านไปแถวๆ สนามหลวงเลยแวะหาที่จอดรถเข้าไปกราบพระแก้วมรกตเพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิตเสียหน่อย เป็นวันธรรมดานี่แหละครับ จันทร์หรืออังคาร จำไม่ได้แน่นอน เจอเรื่องแปลกตาเพราะผมไม่ได้ไปแถวนั้นเสียนาน


     ผมเจอนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินอยู่หน้าวัดพระแก้วเต็มไปหมดครับ คร่าวๆ ก็หลายร้อยคนครับ หรือ อาจจะเป็นพันคนด้วยซ้ำ อาคารฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าวัดพระแก้วใกล้ๆกับป้อมตำรวจท่องเที่ยวมีร้านค้าเปิดอยู่หลายร้าน ทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีน แถมยังมีพ่อค้าแม่ค้าแบบแผงหาบเร่อีกจำนวนหนึ่งครับ ขายเครื่องดื่มบ้าง ขนมบ้าง ผลไม้บ้าง ต่างก็ขายดิบขายดี ผมไปเลียบๆ เคียงๆ ถามไกด์ทัวร์แถวๆ นั้น มีสินค้าตัวหนึ่งที่ไม่ได้นึกถึงเหมือนกันครับที่คนจีนเขาชอบซื้อไป พวก ยาอม ยาหม่อง ยานวด วิตามินซีแบบเด็กๆ ชอบอมที่มีรสเปรี้ยวนั่นหล่ะครับ ไม่น่าเชื่อว่าขายได้ แถมขายดีซะด้วย





     ของกินขนมขบเคี้ยวที่ฮิตติดปาก อาเฮีย อาซ้อ ทั้งหลายจนต้องซื้อเป็นของฝากลูกหลานอันดับหนึ่งก็คือ “นมอัดเม็ดของสวนจิตรลดา” ครับ ขายเกลี้ยงจนหาซื้อมาเติมกันไม่ทันปัจจุบันก็จัดเป็นสินค้ายอดนิยมที่มักจะขาดตลาดเสมอๆ  พูดถึงพระเอกไปแล้ว “พระรอง” ของสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวนี้จะเป็นกลุ่ม “ผลไม้อบแห้ง”  แน่นอนครับว่า “ทุเรียนอบแห้ง” มาแรงแซงทุกรายการมีในชั้นวางขายเท่าไหร่ก็หมด เน้นว่าเป็น แบบ “อบแห้ง” หรือ “freeze dried fruits”  นะครับ ไม่ใช่เจ้าทุเรียนทอด ด้วยความขายดิบขายดีของทุเรียนอบแห้งนี้เองทำให้ผลไม้อบแห้งชนิดอื่นๆ ที่วางขายใกล้ๆ กัน ขายได้ดีตามไปด้วยล่ะครับ

ครีมหอยทาก SNAIL WHITE

สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางค์แบรนด์ L'OREAL

     กลุ่มสินค้าเครื่องสำอางค์ก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กัน มุงกันซื้อยังกับ”แจกฟรี!!”  แบรนด์ดังคุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็คือ “ L’Oreal” กับเจ้าครีมหอยทาก “Snail White” เข้าใจว่าซื้อที่ไทยอุ่นใจกว่าซื้อที่จีนกลัวโดนของ”ปลอม” น่ะครับ (ฮาๆๆๆๆ)






     สินค้าอีกประเภทที่ไม่สังเกตก็นึกไม่ถึงว่าจะขายดีขนาดนี้ครับ ก็สินค้าจำพวก “ยาสามัญประจำบ้าน” ทั่วไปนี่ล่ะครับ แต่ก็มีแบรนด์ฮิตที่พี่จีนเค้าเลือกซื้ออยู่เหมือนกัน ถ้ายาอมแก้ไอก็ต้องตรา “ตะขาบ 5 ตัว” สูตรยาโบราณต้นตำหรับมาจากจีนนั่นล่ะครับ ซื้อกันยกแพค ยกลัง อีกประเภทนึงเป็นแผ่นแปะแก้ปวดหลัง “ตราเสือ” ครับ อันนี้ขายดีจนขาดตลาดเช่นกัน ลุงๆ ป้าๆ นั่งเครื่องบินมาไกล ขึ้นรถลงเรือเที่ยวกันจนเมื่อยไปทั้งตัวเลยซื้อกันไปเป็นตระกร้าๆ เลยล่ะครับ ยาหม่องก็ไม่น้อยหน้านะครับโดยเฉพาะยาหม่องสีเขียวๆ ตรา”โพธิ์หยก” ซื้อกันทีละขวดซะที่ไหนยกแพคกันไปทั้งนั้นครับ ปิดท้ายสินค้าจำพวก “ยา” แบบงงๆ ด้วย “วิตามินซี” อัดเม็ดที่หมอชอบไว้แจกเด็กๆ ไว้อมเปรี้ยวๆ พอจะจำกันได้ใช่มั๊ยครับ ขายกันเป็นกระปุก กระปุกละ 1,000 เม็ด ซื้อกันยังกับขนม ถือเป็นสินค้าม้านอกสายตาที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว





     ร้านค้าใครบ้านไหนที่พี่ๆนักท่องเที่ยวชาวจีนเค้าเดินผ่าน อย่าลืมหาสินค้าเหล่านี้มาวางขายกันบ้างนะครับ รับรองไม่ผิดหวัง ถึงบรรยากาศจะเสียงดังไปบ้าง แต่ขายดีจนนับเงินกันไม่ทันก็ไม่เป็นไรหรอกเนาะ!!..

สวัสดีครับ

Pui
Id line: 0835899852
Tel: 083-5899852

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ส่งออกน้ำมันปาล์มไปขายที่กัมพูชา..ส่งยังไงก็ไม่ยอมออก!!

หลายวันก่อนผมได้พูดคุยกับเพื่อนพ่อค้าชาวกัมพูชา แกพูดไทยได้ชัดถ้อยชัดคำครับ แถมพูดภาษาจีนได้อีกต่างหาก เนื้อหาการสนทนาระหว่างเราก็เป็นเรื่องค้าๆ ขายๆ หาช่องทางทำมาหากินระหว่างประเทศนั่นล่ะครับ

พ่อค้าชาวกัมพูชาคนนี้เดิมแกก็ขายของในตลาดโรงเกลือ ที่สระแก้วนะครับ มีร้านตั้งสองสามร้านแกขายเสื้อผ้าครับ สั่งนำเข้ามาจากจีนเป็นตู้คอนเทนเนอร์เลยที่เดียว ราคาถูกมาก แรกๆ ขายดี ขายไปขายมา เจอเสื้อผ้าของเวียดนามมาตีตลาด ราคาถูกกว่าของพี่จีนซะอีก สิ้นค้าเดิมในสต๊อกก็ขายสู้ไม่ได้เหลือเยอะแยะแถมพี่จีนเขาก็ขยันส่งมาให้เรื่อยๆ จนแกต้องบอกให้หยุดเพื่อจะเคลียร์ค่าสินค้าคงคลังที่เหลืออยู่ที่แกเครดิตมา สุดท้ายก็ต้องมาเลหลังขายถูกๆ เห็นว่ากว่าจะเคลียร์จบหมดที่ดินไปหลายแปลงเลยทีเดียว

ปัจจุบันนักธุรกิจชาวกัมพูชาท่านนี้ผันตัวมาเป็นออร์แกไนเซอร์ จัดงานแสดงสินค้าหรือ คาราวานสินค้าในกัมพูชาครับ จัดที่เมืองโน้นที เมืองนี้ที มีพ่อค้าชาวกัมพูชาหลายคนร่วมอยู่ในคาราวานสินค้าด้วย คล้ายๆ ออกร้านงานกาชาดบ้านเรานี่แหละครับ ทีนี้ก็มาเข้าประเด็นเรื่องจะเอาน้ำมันปาล์มไปขายในกัมพูชาบ้าง ผมเลยได้โอกาสสอบถามข้อมูล กะว่างานนี้ได้ทำธุรกิจระหว่างประเทศกันล่ะครับ แกบอกว่าน้ำมันปาล์มที่ชาวกัมพูชานิยมซื้อกัน คือขนาด แบบขวด 1 ลิตร และ แบบขวด 5 ลิตร ในสัดส่วน ขวด 1 ลิตร ใช้ประมาณ 30% ส่วนอีก 70% ที่เหลือเป็นแบบขวด 5 ลิตร  ผมก็ว่าไม่ยากเพราะในไทยก็มีผลิต  แกว่างั้นดีเลยขอให้ถูกกว่าน้ำมันปาล์มของเวียดนามที่นำมาขายกันอยู่แกจะสั่งซื้อสัปดาห์ละ 1 คันรถพ่วงเลยล่ะครับ อู้วววว!!!!!!

คุยไปคุยมาผมเลยขอดูรูปร่างไอ้เจ้าน้ำมันปาล์มของเวียดนามมันเป็นยังไง แกก็เลยส่งรูปมาให้ดูแบบนี้ครับ



ยี่ห้อ Cai Lan นะครับตราสินค้าเป็นรูปเจ้าสิงโตเชิดครับ ขนาด 5 ลิตร  ส่วนขนาด 1 ลิตร แกว่ายังไม่เจอครับ  ขนาด 5 ลิตร แบบนี้คนกัมพูชาเขานิยมครับ 1 ลัง มี 4 ขวด ราคาขายลังละ 11 USD ครับ ( เอาคร่าวๆ ก็อยู่ที 32 X 11 = 352 บาท/ลัง )   ก็เท่ากับว่าลังนึงมี 20 ลิตร คิดเป็นเงินบาทก็ลังละ 352 บาท หรือ ตกลิตรละ 17.60 บาท ครับ ตอนที่คุยกันน้ำมันปาล์มจากไทยขายส่งยังลิตรละ 30 บาทต้นๆ ครับ  

น้ำมันปาล์มของเวียดนามที่ผมเดาว่าอาจนำเข้ามาจากมาเลย์เซียแล้วมาบรรจุเพื่อส่งขายในกัมพูชานะครับ ต้องยอมรับความจริงครับว่าธุรกิจน้ำมันปาล์มเราสูณเสียความสามารถในการแข่งขันจริงๆ เห็นราคาแล้วบอกตรงๆ "ร้องไห้หนักมากครับ"  แบบนี้ยังไงล่ะครับที่พ่อค้าขายส่งรายเล็กๆ อย่างพวกเราพยามยามจะส่งออกน้ำมันปาล์มไปกัมพูชาทีไร "ส่งยังไงก็ไม่ยอมออก" ล่ะคร๊าบ!!!

สวัสดีครับ

Pongsak 
Tel.083 5899852



วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เอาไงดีหว่า??? กับน้ำมันปาล์ม !!!





















สวัสดีครับ

ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมในนามของ หจก.เดอะเฟรนด์อินเตอร์ฟู้ด ได้ตั้งกิจการมาโดยตั้งใจว่าจะขายส่งสินค้าบริโภคที่ผลิตในบ้านเรา (ประเทศไทย) ให้กับเพื่อนๆ ร้านค้าขายปลีก และ ส่ง ทั้งใน และ ต่างประเทศนะครับ ต่างประเทศก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลๆ หรอกครับ เอาแค่รอบๆ บ้านเราก็พอ อย่างพม่า ลาว กัมพูชา มาเลยเซีย แค่นี้ก็พอแล้วครับ

วันก่อนอ่านเจอข้อคิดของมหาเศรษฐีจีนชื่อ "Jack Ma" ที่เป็นเจ้าของเว็บไซด์ "alibaba.com"  นั่นล่ะครับ แกบอกว่า "สัตว์ในป่ามีมากเกินไป จับกระต่ายตัวเดียวพอ" เลยได้คิดครับว่า รายการสินค้าบริโภค หรือ อาหารต่างๆ ในประเทศไทยมีมากมายก่ายกอง จะเอาเงินทุนมากมายมหาศาลที่ไหนมาซื้อเพื่อให้ได้ Deal ดีๆ  ก็เลยคิดว่าจะเริ่มจากสินค้าตัวเดียวก่อน เหมือน จับกระต่ายตัวเดียว อย่างพี่ Jack Ma เขาว่าล่ะครับ มองไปมองมาเลยมาเริ่มต้นที่ "น้ำมันปาล์ม" ก่อน

เฉพาะเจ้าตัวน้ำมันปาล์มตัวเดียวก็เริ่มปวดหัวแล้วล่ะครับ มีผู้ผลิตมากมายหลากหลายยี่ห้อในบ้านเรา ทั้งแบรนด์หลัก แบรนด์รอง แบรนด์น้องใหม่ แถมแต่ละแบรนด์ก็มีการผลิตหลากหลายขนาด หลายแพคเกจ เช่น ขวด 1 ลิตร ,ขวด 1/2 ลิตร, ขวด 750 cc, ขวด 2 ลิตร, ขวด 5 ลิตร, ถุง 1 ลิตร, ปี๊บ 13.5 ลิตร, ปี๊บ 18 ลิตร, แกลลอน 18 ลิตร เป็นไงครับเริ่มมึนแล้วใช่รีป่าวครับ

ยังไม่จบแค่นั้นนะครับเรื่องราคานี่สิสำคัญ เจ้าน้้ำมันปาล์มนี่ก็ขยันเปลี่ยนแปลงราคาบ่อยมากนะครับ บางที่ต้องถามกันเป็นรายสัปดาห์ พอๆ กับเทรดหุ้นเลย  ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ ร้านค้าหลายท่านคงคิดคล้ายๆ กับผมว่า ลองหายี่ห้อใหม่ๆ มาขายบ้างเผื่อจะได้ราคาถูกกว่าท้องตลาด เมื่อก่อนผมก็คิดแบบนั้นนะครับ แต่พอลองทำดูยี่ห้อใหม่ๆ รายเล็กๆ สุดท้ายก็สู้ราคาเจ้าใหญ่ไม่ได้ครับ

เพราะน้ำมันปาล์มเป็นสินค้าควบคุมนำเข้ามาไมได้ วัตถุดิบในประเทศก็มีแค่พอบริโภค ส่งออกได้นิดหน่อย ผู้ผลิตรายเล็กเวลาที่จะซื้อน้ำมันปาล์มมาบรรจุเองจากโรงกลั่น ด้วยจำนวนการสั่งซื้อที่น้อยกว่ารายใหญ่ย่อมได้ต้นทุนที่แพงกว่าเป็นธรรมดาครับ ผมเคยเอารายเล็กไปขายที่แม่สอด ,สระแก้ว ราคาสู้รายใหญ่ไม่ได้เลย  เลยต้องกลับมาคิดว่าจะเอาไงดี คิดไปคิดมาผู้ผลิตรายเล็กปิดกิจการไปเลยก็มีครับ

ผมเสนอแนวคิดอย่างนี้ครับว่า สำหรับเพื่อนๆ ร้านค้าปลีกที่ต้องหาสินค้ามาขายในร้านมากมายหลากหลายชนิดรวมทั้งเจ้าน้ำมันปาล์ม สิ่งที่เราต้องการก็คือ สินค้าคุณภาพดีในต้นทุนที่ถูกเพื่อนำไปสู่การขายได้กำไรสูงสุด แต่แน่นอนครับผู้ผลิตก็มักเอา ปริมาณ การสั่งซื้อมาต่อรองกับเรา หากเราอยากได้ราคาที่ถูกลง ผลคือ "สต๊อกบวม"  ถ้าเรา "รวมกันซื้อ กระจายกันขาย" ล่ะ!!!!

กรณีน้ำมันปาล์มผมว่าขนาดที่ใช้สะดวกขายดีที่สุดน่าจะเป็น น้ำมันปาล์มบรรจุขวดขนาด 1 ลิตร นะครับ ลังนึงก็มี 12 ขวด จะดีกว่ามั๊ยครับถ้าเราสั่งไม่ถึง 100 ลัง แต่ได้ราคาถูกเหมือนรายที่สั่งเป็น 100 ลังขึ้นไป หรือ ร้านเราสั่งเป็น 100 ลังขึ้นไปแล้วได้ราคาเท่ากับคนที่สั่งเป็น 1,000 ลัง แถมจัดส่งให้ถึงร้านแล้วยังมีราคาถูกกว่าสั่งจากโรงงานด้วยตัวเองอีก นี่ล่ะครับคือสิ่งที่เราจะทำ

ผมไม่รู้ว่าความจงรักภักดีต่อยี่ห้อน้ำมันปาล์มของลูกค้าในพื้นที่ ที่ร้านของเพื่อนๆ ตั้งอยู่เป็นอย่างไร เข้มแข็งขนาดไหน แต่ผมเชื่อว่าในคุณภาพที่เท่ากัน กับ ราคาที่ถูกกว่า สินค้ามันก็น่าจะอยู่ในความสนใจนะครับ  หน้าที่ของผมคือ เสาะหาข้อมูลราคาเจ้าน้ำมันปาล์ม (เราทำเฉพาะขวด 1 ลิตร ก่อน) ในแต่ละสัปดาห์ของยี่ห้อมวยรอง กับ โปรโมชั่นดีๆ  มาแบ่งปันและแชร์การสั่งซื้อร่วมกัน โดย ทาง หจก.เดอะเฟรนด์อินเตอร์ฟู้ด ทำหน้าที่ส่งข้อมูล สั่งซื้อสินค้า และ จัดส่งให้ถึงมือเพื่อนๆ ร้านค้าปลีก ในราคาที่ถูกกว่า อีกทั้งไม่จำเป็นต้องสั่งคราวละมากๆ ด้วย

ผมคิดว่าไอเดียนี้น่าจะเกิดประโยชน์กับเพื่อนๆ ร้านค้าปลีกนะครับ ต้องขอตัวไปวางระบบก่อนพร้อมเมื่อไหร่จะส่งข่าวนะครับ


Pongsak  Tel:083 5899852
Email: thefriendinter@gmail.com

รู้กันยัง?? ผักไฮโดรโปรนิก กับ ผักออแกนิก ไม่เหมือนกันนะ!!

เดินห้างหรู หรือ ตลาดสดไฮโซ มักจะเจอผักสีเขียวๆ สดๆ อวบๆ ดูน่ากินใส่ในบรรจุภัณฑ์สวยงามขึ้นป้ายว่าเป็น ผักไฮโดรโปรนิก(Hydroponic Vegetable...